9 ธันวาคม 2556

ลดน้ำหนักอย่างไร ไม่ให้ผิวเหี่ยว


          การลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว มันจะทำให้เราดูผอมก็จริงแต่อาจทำให้ผิวเหี่ยวได้ค่ะ โดยเพราะใบหน้าและลำคอจะชัดเจนมาก เพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจะทำให้มันที่ผิวหนังลดด้วย เพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาว่าลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมได้ภายใน 1เืดือน โม้มากๆค่ะ ยิ่งถ้าเราอา่้ยุเกิน 40ปี จะเห็นรอยเหี่ยวย่นที่ใบหน้าและลำคอชัดเจนขึ้นด้วยค่ะ ดูตัวอย่างคุณจิตุรงค์ ม๊กจ๊กซิค่ะ ขนาดลดด้วยการออกกำลังกายแต่น้ำหนักลงเร็วไปเลยเ็ป็นรอยย่นที่ลำคอชัดเจนมาก
          กาารลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผิวหนังเรามีโอกาสปรับตัวเข้ากับการหายไปของไขมันใต้ผิวหนังได้มากกว่า เกิดริ้วร้อยน้อยกว่า การลดน้ำหนักไม่ควรเกิน 0.5%-1% ของน้ำหนักตัวต่อสับดาห์ อย่าลืมว่า การที่เราอ้วนได้ต้องใช้เวลาสะสมไขมัน ดังนั้นการกลดความอ้วนก็ต้องใช้เวลาเอาไขมันออกด้วย ที่สำคัญอย่าปล่อยตัวอ้วนในช่วงที่อายุมาก!!! เพราะระบบเผาผลาญเราไม่เหมือนสาวๆแล้ว มันลดน้ำหนักยากมากกกกก

          สำหรับลลิล เคยอ้วนสุด 60กิโลค่ะ กินตามใจปากมากไปหน่อยจาก 52กก. ขึ้นมากเป็น 60กก. ในระยะเวลา 1 ปี ลลิตใช้สูตรลดน้ำหนักแบบนี้ค่ะ


  1. ตั้งเป้าหมาย ลดน้ำหนักเดือนละ 1กิโลค่ะ เบาๆ
  2. เช้า-กลางวัน กินอาหารตามปกติเลยค่ะ อยากกินอะไรกินเลยตามใจปาก แต่ข้าวครึ่งจานค่่ะ
  3. มื้ิอเย็นงดค่ะแต่กินผลไม้ช่วงเวลา 4-5 โมงเย็นแทน
  4. 6 โมงเย็น ออกกำลังกายโดยการวิ่งๆๆๆๆ วิ่งอย่างเดียวค่ะ 1ชม. เพราะเล่นอย่างอื่นไม่เป็น -_-"
  5. หลังจากวิ่ง ดื่มน้ำ 1 ขวด ค่อยๆ ดื่มนะคะ อย่าดื่มทีเดียว เดี๋ยวจุก
  6. กลับถึงบ้าน 2 ทุ่ม อาบน้ำ ดูทีวี โพสต์บล็อก ไม่วอกแวก เราจะไม่รู้สึกหิวเลยค่ะ
  7. เข้านอน 5ทุ่ม ตื่น 7 โมงเช้า 
  8. ที่สำคัญ!! ต้องชั่งน้ำหนักทุกเช้า ทุกวัน โดยปราศจากเสื้อผ้า เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าน้ำหนักลดลงตรงตามเป้าหมายของเรามั้ย
ลลิลทำอยู่ 8 เดือนทำเกือบทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์อาทิตย์หยุดพักผ่อน น้ำหนักลดลงมาเหลือ 50 กก. ดีใจสุดๆ ที่สำคัญหน้าไม่เหี่ยว คอไม่ย่นค่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแล้วเนื่องจากงานสุมหัวกลับบ้านดึกทุกวัน แต่ควบคุมอาหารให้น้ำหนักอยู่ที่ 51-52 กก.

ลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ  หน้าไม่เหี่ยว คอไม่ย่นค่ะ ... ลลิล

5 ธันวาคม 2556

เทคนิกการกินไม่ให้อ้วน


เทคนิกนี้ลลิลลองแล้วใช้ได้ผล เลยนำมาบอกต่อเพื่อนๆค่ะ คือน้ำหนักไม่ลดนะคะ แต่ไม่อ้วนขึ้นแน่นอนค่ะ เหมาะสำหรับสาวทำงานวัยเฉียด 30 -_-"

  1. อย่างแรกเลยเราต้องคิดล่วงหน้าเลยค่ะ ว่าเช้านี้จะกินอะไร คือถ้าเมื่อคืนจัดหนักกินสเตกมาแล้ว แน่นอน!! ตอนเช้าเราต้องเลือกกินพวกผัดผัก กับต้มจืดค่ะ
  2. สำหรับอาหารทุกมือ ลลิลเลือกกินข้าวน้อยๆ กินไม่ถึงครึ่งของจานค่ะ กับข้าวเยอะๆ ^^  อย่ากินเพราะเสียดาย!!! อันนี้สำคัญมากกกกกค่ะ ตอนเด็กๆคุณครูชอบบอกว่ากินให้หมด ให้นึกถึงคนที่เค้าไม่มีจะกิน -_-" ถ้าคิดว่ากินข้าวไม่หมดก็ให้บอกแม่ค้าเลยว่า ขอข้าวน้อยค่ะ 
  3. ควรกินข้าวราดแกง กับต้มจืดค่ะ ประมาณว่ากินข้าวคำ ต้มจืดคำ อิ่มเร็วดีค่ะ
  4. เคี้ยวช้าๆค่ะ อันนี้ได้ผลจริง กินช้าอิ่มเร็ว ที่สำคัญถ้ากินกับเพื่อนๆ เราจะอิ่มเป็นคนสุดท้าย ทุกคนจะนั่งรอ เป็นการกดดันเรา "อิ่มก็ได้วะ" ข้อนี้ลลิลเจอกับตัวเองทุกวัน ^^
  5. สำหรับมื้อเย็น ปกติลลิลไม่ค่อนทานค่ะ แต่ถ้าหิว หมูปิ้งไม่ติดมัน 2 ไม้ค่ะ อิ่มพอดีๆ เคยทานสลัดมื้อเย็นไม่ได้ผลค่ะ ดึกๆ หิวจนตาลาย เลยกินหมูปิ้งดีกว่า ^^ และปิดท้ายก่อนนอนด้วยเม็ดแมงลัก ล้างลำไส้ ตื่นมาปล่อยได้เลย ฟินฝุดฝุด
  6. ที่ห้องของลลิลแทบจะไม่มีของขบเขี้ยวเลยค่ะ เพราะนิสัยเราแค่เห็นถุงขนมก็น้ำลายสอแล้ว เมื่อไม่มี ก็ไม่กินค่ะ
  7. ข้อสุดท้าย กินน้ำให้เยอะๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้เราไม่รู้สึกหิวอีกด้วย

เคล็ดลับง่ายๆ ของลลิลค่ะ กินยังไงก็ไม่อ้วน... ลลิล

3 ธันวาคม 2556

เม็ดแมงลัก ลดน้ำหนักและดีท็อกซ์ล้างพิษ



               แมงลัก (Hoary basil, Lemon basil) เป็นพืชสมุนไพรตระกูลกะเพรา โหระพา ต่างกันที่กลิ่นและสีใบจะอ่อนกว่า ประโยชน์ของเม็ดแมงลักสรรพคุณดังต่อไปนี้
                เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เนื่องจากบริเวณเปลือกนอกของเม็ดเป็นสารเมือกขาว และมีกากอาหาร ทำให้อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ช่วยให้ผู้รับประทานขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเม็ดแมงลักจะไปกระตุ้นประสาทที่อยู่รอบๆ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้เกิดการขับถ่าย
                เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากการรับประทานเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และสามารถควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานได้
                
สูตรลดน้ำหนักด้วยเม็ดแมงลัก
1.       นำเม็ดแมงลักประมาณ 2ช้อนชา
2.       ผสมน้ำร้อน 1แก้ว
3.       ตั้งทิ้งไว้ 30นาที
-          ให้ดื่มก่อนนอน สำหรับผู้ที่รับประทานเม็ดแมงลักเพื่อเป็นยาระบาย
-          ให้ดื่มก่อนอาหาร หรือทดแทนอาหารเป็นบางมื้อสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ถ้าคนที่น้ำหนักมากกว่า 50-60 กิโลกรัม ให้เพิ่มปริมาณส่วนผสมตามสัดส่วน
               
เพื่อให้ทานง่ายขึ้นเราอาจจะปรุงรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำสมุนไพรต่างๆ เช่น น้ำขิง น้ำใบเตย น้ำเต้าหู้ นมสด หรือผสมกับอาหารอย่างโจ๊ก เป็นต้น  เราสามารถทานเม็ดแมงลักเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ 3-4วันต่อสัปดาห์

ข้อควรระวัง!!!
1.    ต้องแน่ใจว่าแช่เม็ดแมงลักจนพองตัวเต็มที่แล้วก่อนรับประทาน เพราะถ้าเม็ดแมงลักที่ยังพองตัวไม่เต็มที่  ลงไปอยู่ในท้องก็จะดูดน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูกได้
2.     ม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักพร้อมกับกับยาอื่นๆ เพราะจะมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้ไม่ดี ดังนั้นควรทานยาก่อนสักประมาณ 15-30 นาทีแล้วค่อยรับประทานเม็ดแมงลักตาม

Credit : th.wikipedia.org/wiki

เม็ดแมงลัก อาหารลดน้ำหนักสุดโปรดของเราค่ะ กินก่อนนอน ตื่นเช้ามาฟินฝุดๆ ……. ลลิล