9 กุมภาพันธ์ 2557

11 สุดยอดอาหารบำรุงสมองช่วยเพิ่มความจำ


1. ปลา
เขาว่ากันว่ากินปลาแล้วจะฉลาด โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลา ทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแฮริ่ง ปลาพวกนี้เป็นอาหารที่ประโยชน์สูงสุดต่อสมองมาก แต่ถ้าหาปลาทะเลมารับประทานยากก็สามารถกินอาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาแทนได้ค่ะ

2. ผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี
พวกบลูเบอรี่ สตรอว์เบอรี เชอรี จะช่วยเสริมสุขภาพสมองให้ระบบหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ช่วยลดความดันโลหิตที่สูงให้สมดุล มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดและระดับไอคิวได้อีกด้วย ทั้งยังป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความ ทรงจำ โดยเฉพาะบลูเบอร์รีสดดีต่อความจำระยะยาวมากที่สุด เหมาะแก่การรับประทานเป็นอาหารว่าง เพราะไม่ทำให้อ้วน และยังได้วิตามินซีเพิ่มอีกด้วย

3. ผักโขม
ช่วยลดอาการความจำเสื่อมโดยเฉพาะคุณผู้หญิง มีการวิจัยพบว่าหญิงวัยกลางคนที่รับประทานผักโขมร่วมกับผักใบเขียวชนิดอื่นๆ เป็นประจำจะช่วยลดอาการความจำเสื่อมไปได้ถึง 2 ปี ผัก โขมมีเอนไซม์ที่ดีต่อความแข็งแกร่งของปลายเซลล์ประสาทและเสริมความแข็งแรงตัวรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ทั้งยังมีกรดโฟลิกสูงที่ดีต่อการจำ อีกทั้งยังช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย แนะนำให้กินผักโขมอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์

4. ไข่
ช่วยพัฒนาระบบการทำงานของสมอง สาร "โคลิน ในไข่ไก่จะทำหน้าที่สำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง และความจำ มีการค้นพบว่าสมองของทารกที่มารดารับอาหารที่มีโคลินนั้นจะมีพื้นที่การจดจำและความสามารถในการจำมากกว่า ไข่ไก่สามารถให้พลังงานนานนับหลายชั่วโมงและไม่ทำให้หิวบ่อยๆ โดยไม่ต้องกลัวโคเลสเตอรอลสูงอีกด้วย

5. อาหารแบบเมดิเตอร์ริเนียน
เน้นที่น้ำมันมะกอกที่สกัดจากพืชโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสมองในปริมาณสูง เป็นส่วนประกอบสำคัญ ส่วนผสมอื่นๆ ของอาหารปะเภทนี้จะเน้นผักและผลไม้ โดยเฉพาะมะเขือเทศ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสมองและลดอาการสมองเสื่อมได้ คนที่บริโภคแบบเมดิเตอร์ริเนียนนี้เป็นประจำจะช่วยลดอัตราการเป็นโรคความจำ เสื่อมหรือหลงลืมได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

6. แครอท
หากต้องการกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างสดชื่นแบบเร่งด่วน ควรรับประทานผลไม้สด โดยเฉพาะแครอทสด โดยรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นให้มีความจำที่ดีได้ค่ะ

7. พืชตระกูลถั่ว
พวก ฮาเซลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเมีย และวอลนัท ที่ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งถั่ว ล้วนเป็นแหล่งรวมโปรตีน มีไฟเบอร์สูง และมีไขมันดีมาก เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ช่วยทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ขณะที่โปรตีนและไขมันช่วยให้ร่างกายสมดุล สงบ ผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีวิตามินอีที่สำคัญต่อกระบวนการคิดและจำ

8. อาหารประเภทธัญพืช
เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดงา เมล็ดแฟลกซ์ ที่มีโปรตีนสูง มีไขมันดี และวิตามินเอสูง ขณะเดียวกันก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มสารอาหารกระตุ้นสมองอย่างแมกนีเซียม ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดี เต็มไปด้วยเส้นใยอาหารที่มีปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม รวมทั้งยังมีโอเมก้าสูงมาก และจะดีมากหากรับประทานเป็นอาหารเช้า

9. แอปเปิล     
ดื่มน้ำแอปเปิลวันละประมาณ 2 แก้ว หรือรับประทานแอปเปิลวันละ 2-3 ลูก มีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างสื่อประสาทใบสมองที่มีชื่อว่า " อะเซทิลโคลีน ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสามารถเรียนรู้ในการจำและการเรียนรู้ ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพความจำของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส จึงช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้

10. ช็อกโกแลต
ช่วยกระตุ้นสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยระบบหมุนเวียนเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ ที่สำคัญช่วยพัฒนาความจำได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน และเซโทโรนิน ที่เป็นสารแห่งความสุขในสมอง ทำให้อารมณ์ดี โดยพกแท่งเล็กๆไว้กินเวลาเครียด จะช่วยผ่อนคลายสมองได้

11. แปะก๊วย
พืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า อาการหลงๆลืมๆ แนะนำให้ใช้เพื่อปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิตในสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีการสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสมองอีกด้วย
ขอบคุณ : http://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=59667

ลลิลกินช็อกโกแลตเกือบทุกวันช่วยคลายเครียดดีมากๆค่ะ อ้วนด้วยค่ะ -_-" คอนเฟิร์ม!!!
ลลิล

9 ธันวาคม 2556

ลดน้ำหนักอย่างไร ไม่ให้ผิวเหี่ยว


          การลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว มันจะทำให้เราดูผอมก็จริงแต่อาจทำให้ผิวเหี่ยวได้ค่ะ โดยเพราะใบหน้าและลำคอจะชัดเจนมาก เพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจะทำให้มันที่ผิวหนังลดด้วย เพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาว่าลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมได้ภายใน 1เืดือน โม้มากๆค่ะ ยิ่งถ้าเราอา่้ยุเกิน 40ปี จะเห็นรอยเหี่ยวย่นที่ใบหน้าและลำคอชัดเจนขึ้นด้วยค่ะ ดูตัวอย่างคุณจิตุรงค์ ม๊กจ๊กซิค่ะ ขนาดลดด้วยการออกกำลังกายแต่น้ำหนักลงเร็วไปเลยเ็ป็นรอยย่นที่ลำคอชัดเจนมาก
          กาารลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผิวหนังเรามีโอกาสปรับตัวเข้ากับการหายไปของไขมันใต้ผิวหนังได้มากกว่า เกิดริ้วร้อยน้อยกว่า การลดน้ำหนักไม่ควรเกิน 0.5%-1% ของน้ำหนักตัวต่อสับดาห์ อย่าลืมว่า การที่เราอ้วนได้ต้องใช้เวลาสะสมไขมัน ดังนั้นการกลดความอ้วนก็ต้องใช้เวลาเอาไขมันออกด้วย ที่สำคัญอย่าปล่อยตัวอ้วนในช่วงที่อายุมาก!!! เพราะระบบเผาผลาญเราไม่เหมือนสาวๆแล้ว มันลดน้ำหนักยากมากกกกก

          สำหรับลลิล เคยอ้วนสุด 60กิโลค่ะ กินตามใจปากมากไปหน่อยจาก 52กก. ขึ้นมากเป็น 60กก. ในระยะเวลา 1 ปี ลลิตใช้สูตรลดน้ำหนักแบบนี้ค่ะ


  1. ตั้งเป้าหมาย ลดน้ำหนักเดือนละ 1กิโลค่ะ เบาๆ
  2. เช้า-กลางวัน กินอาหารตามปกติเลยค่ะ อยากกินอะไรกินเลยตามใจปาก แต่ข้าวครึ่งจานค่่ะ
  3. มื้ิอเย็นงดค่ะแต่กินผลไม้ช่วงเวลา 4-5 โมงเย็นแทน
  4. 6 โมงเย็น ออกกำลังกายโดยการวิ่งๆๆๆๆ วิ่งอย่างเดียวค่ะ 1ชม. เพราะเล่นอย่างอื่นไม่เป็น -_-"
  5. หลังจากวิ่ง ดื่มน้ำ 1 ขวด ค่อยๆ ดื่มนะคะ อย่าดื่มทีเดียว เดี๋ยวจุก
  6. กลับถึงบ้าน 2 ทุ่ม อาบน้ำ ดูทีวี โพสต์บล็อก ไม่วอกแวก เราจะไม่รู้สึกหิวเลยค่ะ
  7. เข้านอน 5ทุ่ม ตื่น 7 โมงเช้า 
  8. ที่สำคัญ!! ต้องชั่งน้ำหนักทุกเช้า ทุกวัน โดยปราศจากเสื้อผ้า เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าน้ำหนักลดลงตรงตามเป้าหมายของเรามั้ย
ลลิลทำอยู่ 8 เดือนทำเกือบทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์อาทิตย์หยุดพักผ่อน น้ำหนักลดลงมาเหลือ 50 กก. ดีใจสุดๆ ที่สำคัญหน้าไม่เหี่ยว คอไม่ย่นค่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแล้วเนื่องจากงานสุมหัวกลับบ้านดึกทุกวัน แต่ควบคุมอาหารให้น้ำหนักอยู่ที่ 51-52 กก.

ลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ  หน้าไม่เหี่ยว คอไม่ย่นค่ะ ... ลลิล

5 ธันวาคม 2556

เทคนิกการกินไม่ให้อ้วน


เทคนิกนี้ลลิลลองแล้วใช้ได้ผล เลยนำมาบอกต่อเพื่อนๆค่ะ คือน้ำหนักไม่ลดนะคะ แต่ไม่อ้วนขึ้นแน่นอนค่ะ เหมาะสำหรับสาวทำงานวัยเฉียด 30 -_-"

  1. อย่างแรกเลยเราต้องคิดล่วงหน้าเลยค่ะ ว่าเช้านี้จะกินอะไร คือถ้าเมื่อคืนจัดหนักกินสเตกมาแล้ว แน่นอน!! ตอนเช้าเราต้องเลือกกินพวกผัดผัก กับต้มจืดค่ะ
  2. สำหรับอาหารทุกมือ ลลิลเลือกกินข้าวน้อยๆ กินไม่ถึงครึ่งของจานค่ะ กับข้าวเยอะๆ ^^  อย่ากินเพราะเสียดาย!!! อันนี้สำคัญมากกกกกค่ะ ตอนเด็กๆคุณครูชอบบอกว่ากินให้หมด ให้นึกถึงคนที่เค้าไม่มีจะกิน -_-" ถ้าคิดว่ากินข้าวไม่หมดก็ให้บอกแม่ค้าเลยว่า ขอข้าวน้อยค่ะ 
  3. ควรกินข้าวราดแกง กับต้มจืดค่ะ ประมาณว่ากินข้าวคำ ต้มจืดคำ อิ่มเร็วดีค่ะ
  4. เคี้ยวช้าๆค่ะ อันนี้ได้ผลจริง กินช้าอิ่มเร็ว ที่สำคัญถ้ากินกับเพื่อนๆ เราจะอิ่มเป็นคนสุดท้าย ทุกคนจะนั่งรอ เป็นการกดดันเรา "อิ่มก็ได้วะ" ข้อนี้ลลิลเจอกับตัวเองทุกวัน ^^
  5. สำหรับมื้อเย็น ปกติลลิลไม่ค่อนทานค่ะ แต่ถ้าหิว หมูปิ้งไม่ติดมัน 2 ไม้ค่ะ อิ่มพอดีๆ เคยทานสลัดมื้อเย็นไม่ได้ผลค่ะ ดึกๆ หิวจนตาลาย เลยกินหมูปิ้งดีกว่า ^^ และปิดท้ายก่อนนอนด้วยเม็ดแมงลัก ล้างลำไส้ ตื่นมาปล่อยได้เลย ฟินฝุดฝุด
  6. ที่ห้องของลลิลแทบจะไม่มีของขบเขี้ยวเลยค่ะ เพราะนิสัยเราแค่เห็นถุงขนมก็น้ำลายสอแล้ว เมื่อไม่มี ก็ไม่กินค่ะ
  7. ข้อสุดท้าย กินน้ำให้เยอะๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้เราไม่รู้สึกหิวอีกด้วย

เคล็ดลับง่ายๆ ของลลิลค่ะ กินยังไงก็ไม่อ้วน... ลลิล

3 ธันวาคม 2556

เม็ดแมงลัก ลดน้ำหนักและดีท็อกซ์ล้างพิษ



               แมงลัก (Hoary basil, Lemon basil) เป็นพืชสมุนไพรตระกูลกะเพรา โหระพา ต่างกันที่กลิ่นและสีใบจะอ่อนกว่า ประโยชน์ของเม็ดแมงลักสรรพคุณดังต่อไปนี้
                เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เนื่องจากบริเวณเปลือกนอกของเม็ดเป็นสารเมือกขาว และมีกากอาหาร ทำให้อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ช่วยให้ผู้รับประทานขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเม็ดแมงลักจะไปกระตุ้นประสาทที่อยู่รอบๆ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้เกิดการขับถ่าย
                เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากการรับประทานเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และสามารถควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานได้
                
สูตรลดน้ำหนักด้วยเม็ดแมงลัก
1.       นำเม็ดแมงลักประมาณ 2ช้อนชา
2.       ผสมน้ำร้อน 1แก้ว
3.       ตั้งทิ้งไว้ 30นาที
-          ให้ดื่มก่อนนอน สำหรับผู้ที่รับประทานเม็ดแมงลักเพื่อเป็นยาระบาย
-          ให้ดื่มก่อนอาหาร หรือทดแทนอาหารเป็นบางมื้อสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ถ้าคนที่น้ำหนักมากกว่า 50-60 กิโลกรัม ให้เพิ่มปริมาณส่วนผสมตามสัดส่วน
               
เพื่อให้ทานง่ายขึ้นเราอาจจะปรุงรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำสมุนไพรต่างๆ เช่น น้ำขิง น้ำใบเตย น้ำเต้าหู้ นมสด หรือผสมกับอาหารอย่างโจ๊ก เป็นต้น  เราสามารถทานเม็ดแมงลักเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ 3-4วันต่อสัปดาห์

ข้อควรระวัง!!!
1.    ต้องแน่ใจว่าแช่เม็ดแมงลักจนพองตัวเต็มที่แล้วก่อนรับประทาน เพราะถ้าเม็ดแมงลักที่ยังพองตัวไม่เต็มที่  ลงไปอยู่ในท้องก็จะดูดน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูกได้
2.     ม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักพร้อมกับกับยาอื่นๆ เพราะจะมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้ไม่ดี ดังนั้นควรทานยาก่อนสักประมาณ 15-30 นาทีแล้วค่อยรับประทานเม็ดแมงลักตาม

Credit : th.wikipedia.org/wiki

เม็ดแมงลัก อาหารลดน้ำหนักสุดโปรดของเราค่ะ กินก่อนนอน ตื่นเช้ามาฟินฝุดๆ ……. ลลิล

26 พฤศจิกายน 2556

เส้นใยไฟเบอร์ อาหารลดความอ้วน


ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร คือส่วนของโครงสร้างพืช เช่น กิ่ง ก้าน ใบเมล็ด เป็นส่วนที่ร้างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ ไฟเบอร์ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแม้ว่าโครงสร้างจะประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำตาลก็ตาม

อาหารที่มีไฟเบอร์สูง
  1. ผัก           แครอต ข้าวโพด ผิวมันฝรั่ง บร็อกโคลี่ ผิวมะเขือเทศ ผักโขม ผักกระเฉด ผักบุ้ง
  2. ผลไม้      กีวี มะละกอ กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล อะโวคาโด ฝรั่ง มะม่วง รวมทั้งเบอร์รี่บางชนิด                                                                         เช่น ราสเบอร์รี่ สตอเบอรี่ และแบล็กเบอร์รี่
  3. ถั่ว           อัลมอนด์ ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน เฮเซลนัต พิสตาชโอ เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
  4. ธัญพืช    พาสต้า ข้าวโอ๊ต มักกะโรนี โฮลวีต คอร์นเฟล็ก ขนมปังขาว (มีบ้างแต่น้อยดว่า โฮลวีต)                                                             และสุดท้ายคือข้าวกล้องที่มีไฟเบอร์สูงกว่าข้าวขาวเกินสองเท่า

  


ไฟเบอร์กับการลดความอ้วน
  1. ไฟเบอร์ ช่วยทำให้อาหารเดินทางเร็วขึ้นและอยู่ในระบบทางเดินอาหารสั้นลง จึงช่วยลดการดูดซึม
  2. ไฟเบอร์ มันจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารของเราลงไปได้
  3. หากไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับประทาน ไฟเบอร์ได้อย่างเพียงพอ ควรรับประทานในรูปของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควบคู่ไปด้วย เพื่อการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ควรดื่มน้ำตามให้มากเพียงพอหลังจากรับประทานไฟเบอร์ เพราะน้ำเป็นตัวช่วยให้เส้นใยพองตัวเต็มที่ในกระเพาะ ไม่เช่นนั้นแล้วแทนที่จะขับถ่ายดีกลับกลายเป็นท้องผูกแทน

ข้อห้าม!!!
สำหรับคนที่เป็นโรคขาดสารอาหาร หรืออยู่ระหว่ารับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานค่ะ

เพื่อนๆชอบทานไฟเบอร์กันมั้ยคะ เราชอบเม็ดแมงลัก บานในท้องอิ่มดีค่ะ ^^ ...ลลิล

24 พฤศจิกายน 2556

"กล้วย" อาหารลดน้ำหนัก

        
 กล้วยเป็น ผลไม้ ที่สามารถกินได้ตั้งแต่ดิบจนถึงสุก อย่างกล้วยดิบสามารถแก้ท้องอืด ส่วนกล้วยสุกก็เป็นยาระบาย ฉะนั้นใครท้องผูกให้เลือกกล้วยมาทานซัก 2-3 ผลรับรองเห็นผล!!!  ในกล้วยนอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ (Fiber) ยังมีน้ำตาลทั้งกลูโคส, ฟลุกโตส และซูโคส ที่ช่วยเพิ่มพลังกายและสมอง เพราะสามารถนำไปใช้งานได้มันที และที่สำคัญยังเป็น ผลไม้ลดความอ้วน !!! เพราะการกินกล้วยนั้นจะทำให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน ความอยากอาหารจะน้อยลง

สูตรลดน้ำหนักด้วยกล้วย
มื้อเช้า :                 กินกล้วยหอม หรือ กล้วยน้ำว้า 1-2 ผล พร้อมกับน้ำเปล่าในอุณหภูมิห้อง
มื้อกลางวัน :         กินได้ตามปกติ อาจเพิ่มอาหารว่างตอนบ่ายสาม พวกผลไม้ต่างๆ
มื้อเย็น :                 กินได้ปกติแต่น้อยกว่ามื้อกลางวัน และต้องกินก่อนนอน 3ชั่วโมง สิ่งสำคัญคืองดของหวานและเข้านอนก่อนเที่ยงคืน
                
         กล้วยหอม 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 100 กรัม  ให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี ในกรณีที่กินข้าวเช้าตามปกติ เช่น ข้าวมันไก่ 1 จาน จะที่ให้พลังงาน 500 กิโลแคลอรี ถ้ากินกล้วยหอมเป็นมื้อเช้าแทนข้าว ก็จะได้แคลอรีน้อยลง ในขณะเดียวกัน หากกินกันตามสูตรก็จะให้กินพร้อมกับน้ำ ทำให้อิ่มเร็วขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ ไดเอท (Diet) 

ข้ิอห้าม!!
  1. ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคไต เพราะกล้วยมีน้ำตาลและโปแทสเซียมสูง
  2. ม่เหมาะกับเด็กวัยเรียน เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องการโปรตีนในช่วงเช้าเพื่อเป็นแหล่งพลังงานระหว่าง วัน  หากเด็กๆ ต้องการกินเพื่อเป็น อาหารลดน้ำหนัก อาจต้องปรับสูตร เช่น กล้วยกับหมูปิ้ง กล้วยกับไข่ต้ม ประเด็นคือกินกล้วยกับโปรตีนร่วมด้วย


เพื่อนๆ คนไหนลองแล้วได้ผลเข้ามาแชร์ประสบการณ์กันนะคะ ลลิล